สรุป iCreator Conference 2020 วันที่ 3 จบด้วยป๋าเต็ด
หายจากสรุปมาไปสักพักนึง วันนี้มาสรุป iCreator Conference 2020 วันสุดท้ายแล้วจ้า มาอ่านกันได้เลย
ส่วนใครยังไม่ได้อ่านวันแรกกับวันที่ 2 สามารถอ่านได้ที่
สรุป iCreator Conference 2020 วันแรก + ความรู้สึก
สรุป iCreator Conference 2020 วันที่ 2 ว่าด้วยเรื่องเสียง
Tinder with situationship
- สร้างแอปพลิเคชันเพื่อให้เด็กมหาลัยที่แอบชอบรุ่นพี่ หรืออยากรู้จักใครบางคนแต่ไม่กล้าทัก เลยทำเพื่อจุดนี้ตั้งแต่ปี 2012 แล้วเติบโตอย่างรวดเร็ว
- มีการสร้างคอนเทนต์ร่วมกันระหว่างเซเลปและทีมฟุตบอล
- ส่วนมากคนเล่น 18-25 ปี
- Swipe เลือก match เลือกทั้ง 2 คนพร้อมให้ทัก chat คุยกันต่อ
- Tinder passport ปัดได้ไกลสุด 160 กิโลเมตร ถ้าเป็น premium จะย้ายประเทศไทย โดยคนไทยย้ายไปเกาหลี ลอนดอน และญี่ปุ่นมากที่สุด
- Gen Z มักจะมีความสัมพันธ์แบบไม่ต้องรู้ว่าเราคบกันแบบไหน (situationship) ขอแค่มีสิ่งที่ชอบบางอย่างเหมือนกันก็ match กันได้ Tinder พยายามเพิ่มสิ่งที่สนใจของแต่ละคน
- ใช้ระบบ Photo verification เพื่อเช็คว่าภาพตรงปกหรือไม่ตอนถ่าย
- Video chat เป็นประโยชน์มากตอนที่ออกมาเจอกันไม่ได้
- สร้างคอนเทนต์ด้วยการหาคนที่มีความชอบเหมือนกันมาทำกิจกรรมบางอย่างร่วมกันได้ เช่น เควินที่หาเพื่อนไปต่อยมวย
ก้าวแรกของการทำคอนเทนต์ของบ่องเต่า
- สิ่งที่ยากในการทำคอนเทนต์คือก้าวแรก เริ่มทำก่อนโดยยังไม่ต้องคิดอะไรมาก เขียนเพราะอยากเขียน ไม่ต้องสนว่ามีคนอ่านไหม
- ความสม่ำเสมอสำคัญมาก เพราะการทำคอนเทนต์คือการสร้าง personal brand การสร้างแบรนด์เหมือนการสร้างบ้าน ค่อยๆ ต่อเติมกันไป
- คอนเทนต์ในอดีตที่เคยเขียนไปเราอาจจะไม่ชอบแล้ว เพราะตัวเองเริ่มเติบโตขึ้น ความคิดเปลี่ยนไป เมื่อดูคอนเทนต์ในอดีตอาจต้องกลับมาคิดดูอีกที
- 7 ข้อสำหรับคนทำคอนเทนต์กับเอเจนซี่และแบรนด์
- 1.ใครๆ ก็อยากทำกับมืออาชีพ ทำงานง่าย ไว้ใจได้ และคุยรู้เรื่อง พูดชัดเจนว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้
- 2.Niche (หรือสิ่งที่เฉพาะเจาะจง) เล็กๆ ที่แข็งแกร่งมีค่าไม่ต่างกับ Mass ถ้า Segment แข็ง Target นิ่ง และ Position ชัด
- 3.รู้ลึก รู้จริง ข้อมูลมากกว่าได้เปรียบกว่า
- 4.แบรนด์ที่เหมาะสมกับเราเป็นจุดตั้งต้นของคอนเทนต์ที่ดี ถ้าไม่เหมาะอาจจะกัดกร่อนตัวตนได้
- 5.ไม่มีสูตรสำเร็จในการทำคอนเทนต์ ทำวันนี้ พรุ่งนี้อาจไม่ปังแล้วก็ได้
- 6.Production ที่ดีไม่ใช่ทุกอย่างของคอนเทนต์ที่ดี เพราะทุกคนซื้อกล้องที่ดีได้ แต่ถ้านำข้อมูลเชิงลึกมาประกอบไม่ได้ คอนเทนต์จะเหมือนกันหมด
- 7.ไม่มีคำว่าขายเนียนๆ อีกต่อไป
- หมั่นถามตัวเองเรื่อยๆ ว่ายังมีความสุขกับคอนเทนต์ที่ทำอยู่ไหม ถ้าไม่แล้วค่อยๆ เปลี่ยนทีละนิด
หน้าตาเว็บไซต์ที่ Friendly กับผู้ใช้ โดยคุณต่อ
- เข้าใจว่าลูกค้าต้องการ search อะไรบ้าง ใช้คำว่าอะไร ข้อมูลเหล่านี้จำเป็นกับการทำคอนเทนต์ต่อคนที่ต้องการคำตอบ ณ เวลานั้นทันที
- รูปแบบการ search ของ Google แสดงผลหลายอย่าง มีทั้งเรตติ้ง รูปภาพ หรือไปที่แอปพลิเคชันทันที
- สิ่งที่ท้าทายในการทำ seo คือทำแล้วไม่รู้จะวัดผลยังไง ได้ผลอะไรกลับมา เข้ามาดูซ้ำมั้ย หรือเข้ามาแล้วออกไปเลย ซึ่งควรตอบได้
- การทำเว็บไซต์จะไม่ใช่การทำแค่ครั้งเดียว จะต้องทำและปรับปรุงจากผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง
- การแสดงผลของเว็บไซต์บนมือถือเป็นสิ่งที่ Google ให้ความสำคัญ
- เข้าใจว่าลูกค้าจะกดเว็บไซต์จากมือได้อย่างไรบ้าง คอนเทนต์ที่สนใจเมื่อเข้าเว็บไซต์จะมีอะไรบ้าง
เมื่อโควิดมาเปลี่ยนผู้บริโภค
- อยู่บ้าน ซื้อของออนไลน์ สั่งอาหารเดลิเวอรี่ ดูหนังที่บ้านมากขึ้น
- เกิด Business shock มีการปิดตัวลง และปรับตัว เช่น ผลิตเจลแอลกอฮอล์ หน้ากาก ขายวัตถุดิบที่เหลือจากร้านอาหารผ่านออนไลน์
- มีการสร้างคอนเทนต์บางอย่างเพื่อให้ตระหนักแต่ไม่ตระหนกจนเกินไป
- เมื่อคลายล็อคดาวน์แล้ว มีคำว่า new normal
- Luxury brand ไม่กระทบเท่าไหร่ ยังขายได้อยู่ และมีแนวโน้มขายได้ดีขึ้น
- บ้าน คอนโดราคาถูก คนมีเงินอยู่แล้วรีบซื้อ
- สินค้าเพื่อสุขภาพจะขายดียิ่งขึ้น
- ช่วงฟื้นฟู เกือบใช้ชีวิตได้ปกติ สถานที่เที่ยวคนเยอะขึ้น เรียกได้ว่าเป็น chill normal
- หลังจากโควิดผ่านพ้น จะเป็นการมาของวัคซีน และยาป้องกัน
- คาดว่าต้นปีหน้า จะมีการเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น
- คนกลับมาโลกดิจิตอล แล้วจะหาคุณค่าที่จำเป็นกับเขาจริงๆ
- Active user ในแอปพลิเคชั่นมีมากขึ้น
- เป็นครั้งแรกของ Gen Z ที่เจอวิกฤตทางเศรษฐกิจ ทำให้ใส่ใจในความมั่นคง สุขภาพ และการพัฒนาตัวเองมากขึ้นตอนเกิดโควิด
- นี่เป็นเวลาของ content creator แล้วเพราะทุกคนเข้ามาในโลกดิจิตอลแล้ว ขอให้ทำงานให้หนักขึ้น เพราะทางเลือกของลูกค้าจะมากขึ้น
- สร้างฐานแฟนสร้างคอนเทนต์ที่ตรงกับคุณค่าหรือบันเทิง
- ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโต
- จงเตรียม stock content ไว้เพราะไม่รู้จะมี wave 2 มั้ย หรือมีอะไรกลับมา คนที่เตรียมพร้อมก่อนได้เปรียบ
เมื่อการจัด Event เริ่มเปลี่ยนไป
- ไม่สามารถจัดงาน on ground ได้ มีการ live streaming แบบ private มากขึ้น
- Conference ยังพอจัดได้ แต่การปิดดีลใหญ่ของนักลงทุนนั้นการเจอกันยังสำคัญอยู่
- Production ดีใช่ว่าจะทำให้ไลฟ์ประสบความสำเร็จ อยู่ที่คอนเทนต์
- จัด Virtual conference จะต้องมี customer support จำนวนมากที่ใจเย็น อะไร pre record ได้ทำก่อนเลย
- มีการจัดอีเว้นท์ออนไลน์ที่ทำให้มีประสบการณ์ร่วมกัน เช่น สอนการทำเบอร์เกอร์
- อนาคตจะมีการใช้โฮโลแกรมแทนคน
- ถ้าการถ่ายทอดสดต้องดีเลย์ จะมีการแก้ปัญหาอย่างไรบ้าง เป็นสิ่งที่ควรคิดล่วงหน้า
- ดูเป้าหมายของการทำอีเวนท์และ feedback ของคนเข้ามาดูเพื่อพัฒนาต่อไป คิดถึงความคุ้มค่าที่จัด
เมื่อไอดอลทำคอนเทนต์เอง
- อยากทำให้แตกต่างจากไอดอลคนอื่น แล้วเมื่อ 3 ปีที่แล้วยังไม่มีไอดอลทำวีดีโอ น้องพิมเลยเริ่มทำ ทำด้วยความอยากทำ
- น้องไอซ์คิดว่านอกจากโปรโมทตัวเองแล้ว ยังเป็นการโปรโมทวงด้วย ซึ่งคอนเทนต์มีหลากหลายมาก ทั้งแคสเกม คลิปเต้นเพลงฮิต
- น้องบีมบีมชอบอัดคลิปเพราะความสนุกอยู่แล้ว ส่วนมากทำคลิป 1 วันของการเป็นแอร์ ไปเที่ยว เป็นต้น
- มีการฟัง feedback จากแฟนคลับไปปรับเหมือนกัน
- จะทำคอนเทนต์แหวกแนวไปเลยหรือทำสิ่งที่ฮิต อยู่ที่เลือก
- ความสม่ำเสมอเป็นเรื่องที่ยาก เพราะมีเรื่องซ้อม เรื่องเรียน มาเกี่ยว
- การรักษาภาพลักษณ์ ทั้งการพูด แต่งตัว และใกล้ชิดเพศตรงข้ามยังสำคัญกับไอดอล
- ทุกคอนเทนต์จะระวังเรื่องคำพูดและการถ่ายกับเพศตรงข้าม เพื่อให้เกียรติแฟนคลับ และรักษาภาพลักษณ์ไอดอล
ครีเอเตอร์ใช้กล้องอะไรดี
- วิดิโออธิบายได้ละเอียดจริง มีลูกเล่น แต่ก็ต้องดึงดูดความสนใจภายในไม่กี่วินาที
- จะภาพนิ่งหรือวิดิโออยู่ที่คอนเทนต์ที่เลือก
- ดูเนื้อหาก่อนว่าภาพสวยจำเป็นกับเนื้อหาไหม
- กล้องที่ดีแต่ละคนไม่เหมือนกัน อยู่ที่การใช้งานของแต่ละคน
- มาตรฐานวิดิโอปัจจุบันอยู่ที่ 1080p
- ถ่าย log เน้น ISO 800 จะต้องไปเกรทสีซึ่งไม่เหมาะกับงานที่เน้นความรวดเร็ว เน้นงานละเอียด
- กล้องแต่ละยี่ห้อมีเอกลักษณ์สีต่างกัน สามารถเลือกตามความเคยชินและชื่นชอบได้เลย
- คอนเทนต์แต่ละแบบจะใช้กล้องไม่เหมือนกัน เช่น
- Beauty blogger กล้องเน้น Flip เห็นหน้าตัวเองได้ มีพอร์ตต่อไมค์ ring flash สะดวกใช้งาน
- งานตั้งสัมภาษณ์ กล้องถ่ายยางได้ ไม่ฮีท ไม่ตัด ต่อไมค์แยกได้ ไมค์ไวเลส ขาตั้งกล้อง คอยเช็คแบต มีหูฟังคอยเทสต์เสียง
- การไลฟ์ อุปกรณ์แล้วแต่ความต้องการลูกค้า เน้นกล่องที่ถ่ายนานๆ ได้
- สายท่องเที่ยว เน้นคล่องตัวอย่าง gopro หรือมือถือก็ยังได้
- เลือกกล้องตามสิ่งที่ตัวเองอยากได้ตามปัญหาที่มี แล้วอย่าคิดว่าซื้อกล้องตัวแรกจะจบ
- กล้องเป็นแค่อุปกรณ์ตัวกลางที่ช่วยเสริมคอนเทนต์ให้ดีที่สุด และไปได้ไกล
เมื่อป๋าเต็ดโดดมาทำคอนเทนต์ออนไลน์
- สมัยก่อน คืนก่อนวางแผงเทปจะไปรายการเปิดแผงเทปคือป๋าเต็ด ทำให้รู้จักศิลปินทุกคน
- แต่พอไม่ได้ทำรายการวิทยุแล้ว ทำให้รู้จักศิลปินล่าสุดไม่เยอะ ตอนบิ๊กเมาเทนก็จัดตารางศิลปินแค่เวทีหลักเพราะไม่ได้รู้จักคนอื่นแล้ว เลยอยากทำความรู้จักศิลปินมากขึ้นผ่านการสัมภาษณ์ในป๋าเต็ดทอล์ค
ลองทำแล้วยังไม่เวิร์ค
- ซีซั่นแรก ศิลปินฮิปฮอป ตอนแรกยังไม่มั่นใจมากเรื่องทำรายการออนไลน์ เลยเริ่มสัมภาษณ์จากคนไม่รู้จักเพื่อจะได้มีข้อสงสัยเยอะๆ
- พอมาย้อนดูรู้สึกว่าตัวเองยังอ่อนหัด ทำรายการเหมือน 20 ปีที่แล้ว เลยลองเริ่มสนทนาเชิงลึกในซีซั่นสอง
- แรงบันดาลใจคือสุทธิชัย หยุ่นที่มาสัมภาษณ์ป๋าเต็ด ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจในการคิดว่าจะเรียบเรียงคำถามยังไง ตั้งกล้องยังไงให้คนดูเหมือนได้คุยกับศิลปิน
ใช้ Deep conversation แทนในซีซั่น 2
- เลือกคนแรกที่มีหัวข้อที่น่าสนใจให้ถามเยอะอย่างบังโต การสัมภาษณ์บังโตทำให้เกิดรูปแบบการสัมภาษณ์จนถึงทุกวันนี้ แล้วการที่บังโตขอให้ไม่มีเพลงเพราะขัดกับศาสนาทำให้ได้ยินเสียงคนสัมภาษณ์จริงๆ ถือว่าบังโตทำให้เกิดเอกลักษณ์บางอย่างในป๋าเต็ดทอล์ค
- ด้วยรูปแบบ deep conversation ทำให้แขกรับเชิญได้พูดคุยสิ่งที่ไม่เคยพูดที่ไหนมาก่อน
- ตอนของคุณโจ้ เขียนไข ป๋าชอบเพราะเป็นตัวอย่างของคนพูดไม่เก่งแต่ทำให้รายการสัมภาษณ์สนุกได้
- ยืนยันความเชื่ออย่างหนึ่งว่าจะทำอย่างไรที่จะทำความเข้าใจและให้ผู้สัมภาษณ์เป็นตัวของตัวเองที่สุด และไว้ใจมากที่สุด อย่างตัดรายการเสร็จก็ส่งกลับมาให้ศิลปินดูก่อนออนแอร์
เคล็ดลับความสำเร็จของป๋าเต็ดทอล์ค
- 1.ประสบการณ์ที่เคยสัมภาษณ์ศิลปินมาหลายปีทำให้ถามคำถามลึกๆ ได้ แต่ข้อเสียคือรู้จักศิลปินเยอะเกินไป เลยคิดว่าบางเนื้อหาไม่น่าสนใจสำหรับป๋าเต็ดแต่จริงๆ น่าสนใจสำหรับคนทั่วไป เลยให้ครีเอทีฟที่มีอายุใกล้เคียงกับกลุ่มเป้าหมายไปหาข้อมูลและตั้งคำถามมา
- 2.นักสัมภาษณ์ที่ดีไม่ใช่คนที่พูดเก่ง แต่เป็นคนที่ฟังเก่ง คำถามที่เป็นไฮไลท์มักมาจากการฟังจนได้คำถามต่อยอดจากสิ่งที่ฟังนั้น มักได้คำถามที่คาดไม่ถึง พยายามให้คนตอบนั้นพูดออกมาให้มากที่สุด
การปรับตัวของบิ๊กเมาเทนท์เมื่อจัดในสถานการณ์โควิด
- ความยากในการจัดคอนเสิร์ตที่รวมคนเยอะๆ คือบาลานซ์ความรู้สึกของแต่ละคนที่คิดไม่เหมือนกันในสภาวะแบบนี้ มีทั้งคนที่ระวังและไม่ระวังตัวมาก
- เบื้องต้นคือมาตรการสาธารณสุขยังมีอยู่ มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เช่น เพิ่มช่องทางเข้าจาก 16 เป็น 32 มีโซนใส่หน้ากากชัดเจน มีการปูเสื่อสร้าง social distance ลดจำนวนคนจาก 1 แสน เหลือ 5 หมื่น
- Virtual online ไม่ใช่ new normal เป็น new catagory เพราะเป็นแค่ทางเลือกที่ทดแทน Event on ground ไม่ได้ สุดท้ายแล้ว online event จะเติบโตควบคู่กับ offline event
เมื่อศิลปินอยู่ฝั่งเดียวกับแฟนคลับ
- พลังของ community fanclub มีมากขึ้น ศิลปินกับแฟนเพลงอยู่ฝั่งเดียวกันจากเดิมศิลปินอยู่ฝั่งเดียวกับค่าย ค่ายเพลงต้องปรับตัว
- ถ้าเข้าใจได้ว่าคนใน community ต้องการอะไร อยากฟังเพลงแนวไหนจะไปต่อได้
- แบรนด์ต้องเข้าใจ community ของศิลปินนั้นๆ คอยดูแลความรู้สึกของแฟนคลับ
ทำเรื่องที่ถนัดและรู้เยอะที่สุด
- สังคมทุกวันนี้เปิดโอกาสให้เป็นตัวของตัวเอง จะคิดคอนเทนต์ได้ ทำเรื่องที่ถนัดและรู้เยอะที่สุด
- คอนเทนต์แบบนี้จะสื่อสารแบบใด มีให้เลือกหลายแบบ ไม่ต้องยึดติดรูปแบบเดิม
สรุป
จริงๆ ดีใจมากที่เรียนสรุปงาน iCreator Conference 2020 จบ 3 วันได้ เป็นอีเวนท์ที่ใช้พลังมหาศาลในการรับความรู้ การจด และการสรุปเยอะมาก ไม่ว่าจะฟังครีเอเตอร์มากี่คน สุดท้ายการทำคอนเทนต์ให้เป็นตัวของตัวเอง หมั่นหาความรู้ใหม่ๆ และทำคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอสำคัญที่สุด
สรุป iCreator Conference 2020 วันที่ 3 จบด้วยป๋าเต็ด
Reviewed by giftoun
on
สิงหาคม 28, 2563
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น